นโยบาย
ความเป็นส่วนตัว
ความเป็นส่วนตัว
ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณถูกขอให้ส่งมอบ และเหตุผลที่คุณถูกขอให้ส่งมอบนั้น จะแจ้งให้คุณทราบอย่างชัดเจน ณ จุดที่เราขอให้คุณส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
หากเป็นการติดต่อกับเราโดยตรง เราอาจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณ เช่น ชื่อ ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ เนื้อหาของข้อความและ/หรือไฟล์แนบที่คุณอาจส่งให้กับเรา และข้อมูลอื่นๆ ที่คุณตัดสินใจส่งมอบให้กับเรา
หากเป็นการลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้ เราอาจขอข้อมูลติดต่อของคุณ รวมถึงรายการต่างๆ เช่น ชื่อ ชื่อบริษัท ที่อยู่ ที่อยู่อีเมล ที่อยู่ IP และหมายเลขโทรศัพท์
วิธีการที่เราใช้ข้อมูลของคุณ
เราใช้ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึง
- ให้บริการ ดำเนินการ และบำรุงรักษาเว็บไซต์ของเรา
- ปรับปรุง ปรับแต่ง และขยายเว็บไซต์ของเรา
- ทำความเข้าใจและวิเคราะห์วิธีการที่คุณใช้งานเว็บไซต์ของเรา
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ คุณลักษณะ และฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับบุคคลที่สาม
เค ไลน์ ประเทศไทย จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ได้รับการบันทึกหรือข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถระบุได้ว่าเป็นข้อมูลของคุณต่อบุคคลที่สาม เว้นแต่ เค ไลน์ ประเทศไทย จะได้รับความยินยอมจากคุณ หรือการให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นการสนับสนุนการดำเนินธุรกรรมตามความประสงค์ของคุณ หรือการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานภาครัฐ โดย เค ไลน์ ประเทศไทย จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณแก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด เช่น การขายทางโทรศัพท์หรือการขายทางไปรษณีย์
เค ไลน์ ประเทศไทย ใช้วิธีการเข้ารหัสและการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพเพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการตรวจสอบบุคคลที่เข้าถึงข้อมูล
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เค ไลน์ ประเทศไทย และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) เคารพในสิทธิในความเป็นส่วนตัว และให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหรือในการทำธุรกรรมกับบริษัท ด้วยเหตุนี้ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จึงจัดเตรียมขึ้นโดยสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้:
1. ขอบเขตของนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ครอบคลุมพนักงานทุกคน ซึ่งรวมถึงพนักงานประจำ พนักงานที่มีระยะเวลาของสัญญาที่แน่นอน พนักงานชั่วคราวและผู้รับเหมา รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือในนามของบริษัท
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเอาไว้ก่อนที่จะมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เริ่มแรกต่อไป โดยการเปิดเผยและการกระทำอื่นใดนอกเหนือจากการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
2. นิยาม
- นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง นโยบายที่บริษัทกำหนดขึ้นเพื่อให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงการประมวลผลข้อมูลของบริษัทและประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
- “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว
- “ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน” หมายถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อ ศาสนาหรือปรัชญา รสนิยมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความทุพพลภาพ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลทางชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดในลักษณะเดียวกันที่อาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- “การประมวลผล” หมายถึงการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- “เจ้าของข้อมูล” หมายถึงบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- “ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- “ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่ดำเนินกระบวนการ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล โดยที่บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าวไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูล
- “คุกกี้” หมายถึงไฟล์ชั่วคราวขนาดเล็กที่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจำเป็นต้องติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของเจ้าของข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนด้านการสื่อสารในขณะที่เข้าถึงเว็บไซต์เท่านั้น
3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และกรรมวิธีที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยจะจัดเก็บเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมตามวัตถุประสงค์และประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านสองช่องทางได้แก่:
- การเก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูล เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลในแบบฟอร์มใบสมัครทั้งในรูปแบบเอกสารกระดาษหรือทางออนไลน์ การตอบแบบสำรวจที่จัดทำโดยบริษัท หรือการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทโดยใช้คุกกี้
- การเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของข้อมูล เช่น การค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ หรือการสอบถามจากบุคคลที่สามผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การแจ้งทางโทรศัพท์ หรือได้รับเป็นเอกสารกระดาษหรือช่องทางอื่นๆ โดยบริษัทจะดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์เท่านั้น
- ในกรณีที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน บริษัทจะทำให้มั่นใจว่าเจ้าของข้อมูลรับทราบและยินยอมให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวผ่านกรรมวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นๆ โดยบริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือในขณะที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เว้นแต่การรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่น ๆ
4. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัท หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของงาน และ/หรือเพื่อเป็นการปฏิบัติโดยสอดคล้องกับข้อบังคับของกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเฉพาะในระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูล หรือตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
บริษัทจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่แตกต่างไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเว้นแต่จะมีการสื่อสารวัตถุประสงค์ใหม่ต่อเจ้าของข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลแล้ว
โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล และจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวโดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งเอาไว้เท่านั้น
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัท และการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะทำให้มั่นใจว่าบุคคลดังกล่าวจะรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล และไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่กำหนดโดยบริษัท
บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแล หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย
6. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญเสียจากการเข้าถึงและใช้งาน ดัดแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้นโยบายและขั้นตอนปฏิบัติด้านความปลอดภัยของข้อมูลของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย บริษัทจะสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักในหน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องและเปี่ยมประสิทธิภาพ
ในกรณีที่บริษัทมีการมอบหมายให้หน่วยงานหรือบุคคลที่สามปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะกำหนดให้หน่วยงานหรือบุคคลที่สามดังกล่าวเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นความลับและปลอดภัย และป้องกันไม่ให้มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในขอบเขตของงานหรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายนี้จัดเตรียมขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของข้อมูลสามารถใช้สิทธิ์ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้
- สิทธิ์ในการเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูล หรือสิทธิ์ในการขอทราบแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
- สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
- สิทธิ์ในการร้องขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน
- สิทธิ์ในการจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิ์ในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ส่งมอบให้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าในกรณีใด โดยการเพิกถอนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความยินยอมแล้ว
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิ์ในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิ์ข้างต้นของเจ้าของข้อมูล โดยมีเงื่อนไขว่าการปฏิเสธนั้นเป็นไปโดยสอดคล้องกับกฎของบริษัทที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งบริษัทจะจัดให้มีช่องทางสำหรับให้เจ้าของข้อมูลติดต่อกับบริษัทเพื่อขอใช้สิทธิ์ข้างต้นได้ และในกรณีที่บริษัทปฏิเสธคำขอ ทางบริษัทจะแจ้งเหตุผลในการปฏิเสธแก่เจ้าของข้อมูล
8. การทบทวนและปรับปรุงนโยบาย
บริษัทจะทำการทบทวนและปรับปรุงนโยบายนี้อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อนโยบายในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ
9. ข้อมูลการติดต่อ
หากคุณต้องการติดต่อกับเค ไลน์ ประเทศไทย
33/29-31 ชั้น 8 อาคารวอลล์สตรีท ทาวเวอร์
ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: +66 2625-0038, +66 2625-0040-1 แฟกซ์: +66 2632-7350
อีเมล: AuditCommitee@th.kline.com
หากคุณต้องการติดต่อกับบริษัทในเครือของเรา
บริษัท กรุงเทพชลกิจ จำกัด 33/30-31 ชั้น 8 อาคารวอลล์สตรีท ทาวเวอร์
ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: +66 2625-0038, +66 2625-0040-1 แฟกซ์: +66 2632-7350
อีเมล: AuditCommitee@th.kline.com
C.T.S Corporation Ltd.
33/30-31 ชั้น 8 อาคารวอลล์สตรีท ทาวเวอร์
ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: +66 2625-0038, +66 2625-0040-1 Fax: +66 2632-7350
อีเมล: AuditCommitee@th.kline.com