“K” LINE เริ่มใช้เชื้อเพลิง Bio-LNG สำหรับเรือบรรทุกรถยนต์

Kawasaki Kisen Kaisha, Ltd. (“K” LINE) ได้เริ่มการใช้เชื้อเพลิง Bio-LNG ครั้งแรกที่จัดหาโดย Shell Western LNG B.V. (Shell) ให้กับเรือบรรทุกรถยนต์ “OCEANUS HIGHWAY”

เรือลำดังกล่าวได้รับเชื้อเพลิง Bio-LNG จำนวน 500 ตันจาก Shell ที่ท่าเรือ Zeebrugge ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568

เชื้อเพลิง Bio-LNG (ไบโอมีเทนเหลว หรือ LBM) ซึ่งได้มาจากขยะอินทรีย์หมุนเวียนและสารตกค้าง ได้รับการรับรอง ISCC-EU*1 ว่ามีความเข้มข้นของคาร์บอนน้อยกว่าศูนย์ตลอดอายุการใช้งาน*2 ตั้งแต่การผลิตเชื้อเพลิงจนถึงการบริโภค

Bio-LNG เป็นโซลูชันแบบเบ็ดเสร็จที่เข้ากันได้ดีกับโครงสร้างพื้นฐาน LNG ที่มีอยู่ ทำให้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนสำหรับอุตสาหกรรมการขนส่ง

Dexter Belmar รองประธาน Shell Downstream LNG กล่าวว่า “Bio-LNG เป็นโซลูชันที่ปรับขนาดได้ซึ่งเราสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน เชลล์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการหลักในธุรกิจขนส่ง เช่น “K” LINE ซึ่งเป็นผู้นำในการนำ bio-LNG มาใช้ ทั้งสองบริษัทกำลังช่วยสร้างแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมต่างๆ หันมาใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนกันมากขึ้น ความพร้อมในการใช้งานและความสามารถเชิงพาณิชย์ของ bio-LNGที่เพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้าของเราเชื่อมั่นว่ากองเรือที่ใช้เชื้อเพลิงสองชนิดของตนพร้อมที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไป”

Hiroto Arai,ผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม/เทคนิค “K” LINE กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ. 2050 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการขนส่งทางทะเลถือเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญสูงสุดของเรา การเริ่มต้นใช้เชื้อเพลิง bio-LNG ของเราถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ เรายังรู้สึกว่าการเป็นพันธมิตรกับเชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำระดับโลก จะทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมการขนส่งไปสู่เชื้อเพลิงหมุนเวียน เราจะทำงานอย่างขยันขันแข็งต่อไปในการนำเชื้อเพลิงหมุนเวียนมาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ. 2050”

ในวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม “K” LINE ปี 2050: ทะเลสีน้ำเงินเพื่ออนาคต*3 เราได้กำหนดเป้าหมายชั่วคราวในปี 2030 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการปล่อย CO2 ให้ได้ 50% จากปี 2008 ซึ่งเกินเป้าหมายของ IMO ที่ตั้งไว้ที่ 40% นอกจากนี้ เรายังกำหนดเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2050 คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในฐานะแผนปฏิบัติการ เราจะทำงานต่อไปเพื่อนำเชื้อเพลิงใหม่ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำมาใช้ และรับมือกับความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายที่เรากำหนดไว้

*1 การรับรองความยั่งยืนและคาร์บอนระหว่างประเทศ (International Sustainability and Carbon Certification; ISCC)-EU สำหรับเชื้อเพลิงทางทะเลที่ยั่งยืนช่วยให้มั่นใจได้ถึงความยั่งยืนของการผลิตวัตถุดิบ การตรวจสอบย้อนกลับแบบครบวงจรของผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการลดการปล่อยมลพิษตลอดวงจรชีวิตที่ได้รับการยืนยันตาม RED II ของสหภาพยุโรป

*2 การรับรองความเข้มข้นของคาร์บอน (carbon intensity) ที่ตลอดวงจรชีวิตที่น้อยกว่าศูนย์นั้นขึ้นอยู่กับ แนวทางปฏิบัติที่รวมถึงการหลีกเลี่ยงการปล่อย CO2e จากการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรตามแนวทาง RED II

*3 “K” LINE Environmental Vision 205: Blue Seas for the Future
ในฐานะแผนปฏิบัติการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก เรากำลังแนะนำเชื้อเพลิงที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เช่น เชื้อเพลิงแอมโมเนียและไฮโดรเจน รวมถึงเชื้อเพลิงที่เป็นกลางทางคาร์บอน เช่น bio-LNG และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ https://www.kline.co.jp/en/sustainability/environment/management.html